ชามตราไก่ เซรามิกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง
ชามตราไก่ เซรามิกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง
ชามตราไก่ เซรามิก สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ความสำคัญของเซรามิกทางสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปางจึงได้มีการจัดงาน “เซรามิกแฟร์” เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2532 และจัดติดต่อกันสืบมาจนถึงครั้งที่ 29 พ.ศ. 2559 เมื่อสิ้นสุดการเดินชมนิทรรศการและชมการผลิต นักท่องเที่ยวเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์แล้วจะเข้าไปในร้านค้าขายของที่ระลึก ภายในจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ของใช้ เซรามิกมากมายหลายแบบ มีร้านขายกาแฟ ชิมกาแฟสูตรพิเศษของธนบดีได้ เป็นจุดสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ผู้ต้องการจะเดินมาชมชามตราไก่ทองคำ, ชามไก่ที่บางที่สุด, ชามตราไก่ขนาดจิ๋วที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก พร้อมชามตราไก่รุ่นเก่าในยุคต่างๆ และขลุ่ยเซรามิคเพื่อเป็นบุญตานั้น สามารถเดินทางมาได้ทุกวัน การเดินทางเมื่อเดินทางถึงลำปางจากถนนพหลโยธินจะขึ้นไปเชียงราย ให้เลี้ยวขวาตรงสี่แยกสนามบินเข้าถนนพระบาท เลี้ยวซ้ายเข้าซอยพระบาท 1 หรือเลยเลี้ยวขวาที่สี่แยกป่าแขมทางไปแม่เมาะ เลี้ยวกลับลงมาทางขนาน เมื่อเลยปั๊มน้ำมัน ปตท. เยื้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีลำปาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวัดจองคำ ตรงไปทางวิทยาลัยสารพัดช่างลำปาง มีป้ายบอกทางเข้าบริษัทธนบดี พิพิธภัณฑ์ธนบดีอยู่ติดกับด้านหลังของวัดจองคำ ชามตราไก่ลำปางยังคงการวาดมือ ในเว็บไซต์ธนบดีเซรามิก ได้เล่าประวัติเซรามิกในลำปางย้อนไปใน พ.ศ.2498 กล่าวถึงนายอี้ (ซิมหยู) แซ่ฉิน ว่าได้เป็นผู้ค้นพบแร่ดินขาวครั้งแรกที่บ้านปางค่า อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง และได้ร่วมกับกลุ่มชาวจีนก่อตั้งโรงงานทำชามไก่แห่งแรกของจังหวัดลำปางโดยยังคงใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิมของเมืองจีนและส่งขายไปทั่วประเทศไทย
ชามตราไก่ ลำปาง โรงงานร่วมสามัคคี ชมรมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง
ในเอกสารประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญา เรื่อง การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ชามตราไก่ ทะเบียนเลขที่ สช 56100060 ระบุว่า หลังจากที่ได้มีการพบแหล่งดินขาวในอำเภอแจ้ห่ม ชาวจีนในลำปางได้ร่วมกันก่อตั้งโรงงานผลิตชามตราไก่แห่งแรกชื่อ “โรงงานร่วมสามัคคี” ตรงกับ พ.ศ. 2500 และจากนั้นช่วง พ.ศ. 2502-2505 ก็มีกลุ่มชาวจีนได้เข้ามาตั้งโรงงานในลำปางเพิ่มขึ้นทำให้จังหวัดลำปางมีโรงงานผลิตจานชามมากกว่าแหล่งอื่น ถือเป็นช่วงเริ่มต้นที่ทำให้เซรามิกลำปางโดยเฉพาะชามตราไก่โด่งดังไปทั่วประเทศ 8 พ.ศ.2516 มีการก่อตั้งชมรมเครื่องปั้นดินเผาลำปางขึ้นเพื่อพัฒนาด้านคุณภาพและกำหนดราคาไม่ให้ตกต่ำ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผลิต โดยช่วงแรกของการก่อตั้งมีโรงงานเครื่องปั้นดินเผาเข้าร่วมมากถึง 18 โรงงาน ถือเป็นยุครุ่งโรจน์ของเซรามิกลำปาง ชามตราไก่ ลำปาง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554 (ประกาศวันที่ 18 ธันวาคม 2556 แต่ให้มีผลตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอคือ 8 กันยายน พ.ศ. 2554) ทั้งนี้ขอบเขตของการผลิต ชามตราไก่ลำปาง ครอบคลุมพื้นที่ 13 อำเภอในจังหวัดซึ่งมีแหล่งดินพิเศษเฉพาะของลำปาง ปรากฏว่า ปีนั้นสินค้าขายดิบขายดี ไม่ใช่แจกัน ของตกแต่งบ้านผมนะ แต่เป็นชามตราไก่ ขายดีจนผลิตไม่ทัน ปีนั้นเป็น พ.ศ.2540 ซึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โรงงานกำลังย่ำแย่ ชามตราไก่ได้เข้ามากู้วิกฤตและขยายโอกาสใหม่ให้ธุรกิจได้ฟื้นกลับมา
ชามตราไก่ ลำปาง วัตถุแห่งความทรงจำ
เกิดอะไรขึ้นกับสินค้าโบราณ ชามตราไก่ ลำปาง ทำไมจู่ๆ ชามตราไก่ถึงขายดี ต่อมาเขาพบคำตอบว่า ยุคนั้นคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ (เกิดระหว่าง พ.ศ.2489-2507) เคยใช้ชีวิตกับชามตราไก่มาก่อน พอวันนี้เติบโตขึ้นเป็นเจ้าสัว ชามตราไก่จึงเป็นเสมือนวัตถุแห่งความทรงจำ ที่ทำให้คิดถึงความหลัง สิ่งที่เราไม่เคยให้คุณค่ากับมัน แท้จริงมันคือกุญแจขุมทรัพย์ที่พ่อฝากเอาไว้ แต่กว่าจะค้นพบมันได้ คุณต้องผ่านกุญแจสองร้อยด่านของคุณพ่อมาก่อน ว่า คุณพ่อเป็นคนพูดน้อย แต่สอนเยอะ และลงมือทำให้เห็น พอมองย้อนความสำเร็จของโรงงานและแบรนด์ธนบดี(Dhanabadee) ในวันนี้ ที่เป็นแบรนด์เซรามิกของแต่งบ้านจากลำปาง ที่ส่งออกไปยังกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรป อเมริกา และจีน รวมถึงเป็นผู้เบิกทางให้ชามตราไก่กลับมาโด่งดังอีกครั้ง พนาสินมักจะพูดถึงคำที่พ่อสอนเสมอ เพราะนอกจากชามตราไก่ คำสอนเหล่านั้นคือขุมทรัพย์สำคัญที่พ่อทิ้งไว้ให้กับเขา อยากได้ ต้องทำเอง ชามตราไก่ ลำปาง สิ่งที่ทรมานที่สุดตอนเป็นเด็กคือ การอดไปเที่ยวเล่น เพราะถูกกึ่งบังคับให้ช่วยงานที่บ้าน เนื่องจากพ่อจะสอนว่า ถ้าอยากได้อะไร นอกจากปัจจัยสี่ ต้องหาเอง นั่นหมายความว่า เราต้องช่วยงานที่บ้าน ปั้นถ้วยขนม งานเล็กๆ น้อยๆ ถึงจะได้เงินมาห้าบาทสิบบาท เพื่อเอาไปซื้อขนมหรือของเล่นที่อยากได้ คำสอนนั้นยังคงอยู่แม้ในวันที่พนาสินเติบโต เป็นนักออกแบบที่กำลังไปได้ดีในวิชาชีพ วันหนึ่งซึ่งเป็นช่วงที่เขาได้รับโอกาสไปทำงานที่อิตาลี ยุคนั้นคนทั่วไปยังไม่ใช้โทรศัพท์ เขาจึงเขียนจดหมายบอกข่าวดีกับทางบ้าน
ชามตราไก่ เซรามิก ลำปาง ช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย รอดหรือไม่รอด
ชามตราไก่ เซรามิก จดหมายทางบ้านตอบกลับมา ปีนั้นเป็นช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย ส่งผลกระทบให้ถ้วยขนมที่โรงงานผลิตขายไม่ดี พนาสินจึงคิดว่า เขาควรกลับไปกอบกู้ที่บ้าน มากกว่าที่จะเอาตัวรอดคนเดียว เลยตัดสินใจไม่ไปอิตาลี แล้วเดินทางกลับบ้าน แต่พอถึงบ้านสินก็พบว่า เรื่องการกอบกู้ธุรกิจ เป็นสิ่งที่เขาคิดไปเองคนเดียว เพราะเมื่อทางบ้านเห็น แทนที่จะให้ทำโรงงานที่บ้าน พ่อบอกให้เขาทำโรงงานของตัวเอง โดยให้เงิน 40,000 บาทเป็นทุนรอนในการตั้งโรงงาน พ่อเป็นคนสอนเอง ดูสิว่ามันจะเก่งขนาดไหน จากเงินจำนวนน้อยๆ ทำให้มันรอดสิ ถามว่ารอดไหม เกือบไม่รอด แทบตาย พอมองย้อนกลับไป ชามตราไก่ ลำปางบอกว่าการเริ่มต้นทำโรงงานด้วยตัวเอง ทำให้อีโก้ในตัวเขาเล็กลงเรื่อยๆ จากลูกคนที่ห้า เรียนสูงที่สุดในบ้าน ออกไปทำงานก็ได้รับการยอมรับ ต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ ที่เรียนจบก็เข้ามาช่วยโรงงานที่บ้าน คือบทเรียนที่ทำให้พนาสินไม่หลงตัวเอง อ่อนน้อมถ่อมตน และเข้าใจความจริงมากขึ้น
ถ้วยตราไก่ ลำปาง, ชามตราไก่ ลำปาง, จำหน่ายสินค้า OTOP, จำหน่ายสินค้า OTOP ทั่วประเทศ, จำหน่ายสินค้า OTOP ของดีทุกจังหวัด, ยุคแห่งการนำเสนอและขายของออนไลน์, สินค้าภูมิปัญญาชาวบ้าน, สินค้าพื้นบ้าน, อาหารพื้นบ้าน, เกษตรกร 100%, ร้านค้า, รวมสินค้า OTOP จากทุกจังหวัด, ตัวแทนสินค้ามาส่งถึงมือท่าน, OTOP ขอนแก่น, OTOP ชัยภูมิ, OTOP ร้อยเอ็ด, OTOP กาฬสินธุ์, ให้บริการฝาก-ขาย สินค้า OTOP, จำหน่ายสินค้าพื้นบ้านประจำจังหวัด, ของฝาก ของที่ระลึก, อาหารแห้ง อาหารสด